ประวัติ พระราชสุตกวี - การศึกษา และบรรพชาอุปสมบท

 ๒. การศึกษา และบรรพชาอุปสมบท

เนื่องจากโยมบิดา เป็นผู้ใหญ่บ้านที่คงแก่เรียน และลุงของ ท่านเป็นปราชญ์ภาษาขอม ได้เปิดสอนหนังสือไทย แก่คนในหมู่บ้านเป็นประจํา ท่านจึงคลุกคลีอยู่กับการเรียน การสอน หนังสือไทย ตั้งแต่อายุ ๓-๔ ขวบ เมื่ออายุได้ ๗ ขวบ จึงเริ่ม เรียนหนังสือไทย อายุได้ ๑๑- ๑๒ ขวบ ท่านสามารถอ่าน เขียน ภาษาไทย และคิดเลข บวก ลบได้ ต่อมาทางราชการเปิดโรง เรียนประชาบาลขึ้นที่บ่อพอ (วัดธรรมวุธสรณาราม) ตําบล ปกาสัย โยมบิดาได้ให้ท่านเข้าเรียนโดยต้องเดินทางเท้าเปล่าไป กลับวันละ ๑๔ ก.ม.เศษ เรียนอยู่ ๔ ปี สอบไล่ได้ชั้นสูงสุดของ โรงเรียน (ป.๓) เมื่ออายุ ๑๘ ปี ได้คะแนนเป็นที่หนึ่งของจังหวัด ที่โรงเรียนอํามาตย์พานิชนุกูล ต่อมาทางราชการได้บรรจุให้ท่าน เป็นครูช่วยสอน ที่สถานศึกษาเดิมของท่าน คือ ที่โรงเรียนวัด บ่อพอ อยู่ ๒ ปี จึงลาออกบรรพชา เมื่ออายุ ๑๘ ปี (พ.ศ.๒๔๕๕) ณ วัดบ่อพอ ตําบลปกาสัย อําเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โดย มีพระสมุห์กิม พุทธรกุขิโต วัดแก้วโกรวาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชสามเณรแล้ว พระอุปัชฌาย์ได้ขอให้ไปอยู่วัดแก้วโกรวาราม เพื่อช่วยเขียน (คัด) จดหมายการคณะสงฆ์ (งานเลขานุการ) ขณะเดียวกัน ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม และสมัครเข้าเรียน ชั้น ม.๑ ในโรงเรียนอํามาตย์พานิชนุกูล ซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดแก้วโกรวารามด้วย เรียนอยู่ได้ปีเศษสมัครสอบไล่ แต่สอบตก เนื่องจากภารกิจของท่านมากไม่มีเวลาเรียนหนังสือ ในปีนั้น ประชาชนบ้านปกาสัยได้นิมนต์สามเณรสิงห์กลับไปอยู่ปกาสัย อีก ท่านจึงกลับไปสอนหนังสือไทย แก่ประชาชนที่วัดปกาสัย อยู่ ๒ ปี จึงอุปสมบท เมื่อวันศุกร์ที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ วัดบ่อพอ ได้ฉายาว่า “จนุทกโภ” โดยมีพระครูธรรมมาวุธวิสิษฐ์ (กิม) เจ้าคณะจังหวัดกระบี่ เป็นพระอุปัชฌาย์เมื่ออุปสม บทแล้ว พระอธิการหอมแก้ว เจ้าอาวาสวัดปกาสัย ขอให้ท่านไป อยู่ปฏิบัติศาสนากิจและสอนหนังสือไทย ที่วัดปกาสัยต่อไปอีก ระยะหนึ่ง เนื่องจากที่โรงเรียนวัดบ่อพอมีนักเรียนเพิ่มขึ้น ขาด ครูสอน ทางราชการจึงขอให้ท่านไปสอนหนังสือ เนื่องจากท่าน ต้องเดินทางวันละ ๑๔-๑๕ ก.ม. ระหว่างวัดปกาสัย กับโรงเรียน ท่านจึงขออนุญาตเจ้าอาวาสวัดปกาสัยไปอยู่วัดบ่อพออีกครั้ง



ต่อมา โยมมารดา บิดา ญาติผู้ใหญ่ และพระเถระ ให้ความ เห็นว่า ถ้าไม่ลาสิกขาออกไปรับราชการ ก็น่าจะไปศึกษาพระ ปริยัติธรรมเพิ่มเติม เพื่อจะได้อยู่เป็นหลักพุทธศาสนาสืบไป ท่านจึงกลับไปอยู่วัดแก้วโกรวารามอีกครั้ง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ ในปีแรกที่ไปอยู่ท่านศึกษาพระปริยัติธรรม จนสอบได้เป็นที่ ๑ ของสนามสอบคณะจังหวัด (เนื่องจากหลักสูตรและการสอบ ธรรมสนามหลวง ยังไปไม่ถึงจังหวัดกระบี่ ในขณะนั้น) พระ อุปัชฌาย์เห็นแววว่าในอนาคต ท่านจะเป็นกําลังหลักของพระ ศาสนา ในจังหวัดกระบี่ จึงส่งท่านไปศึกษาที่กรุงเทพมหานคร อยู่วัดวิเศษการ อําเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี ได้ ๓ ปี แล้ว ย้ายไปอยู่วัดดุสิตารามอีก ๑๐ ปี ในระยะเวลาที่อยู่กรุงเทพมหานคร ท่านเข้าศึกษาพระปริยัติธรรม ในสํานักวัดมหาธาตุ จังหวัด พระนคร สามารถสอนเปรียญธรรม ๖ ประโยคได้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๙ และสอบนักธรรมเอกได้ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ ท่านคงมุมานะศึกษาพระปริยัติธรรมต่อไป แต่พระครูธรรมาวุธวิสิษฐ์ เจ้าคณะจังหวัดกระบี่ และพระยาอิศราธิชัย (หมี ณ ถลาง) เจ้าเมืองกระบี่ได้ขอให้ท่านกลับไปปฏิบัติศาสนกิจ ที่จังหวัดกระบี่ ท่านจึงเดินทางกลับจังหวัดกระบี่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ 

 


About สบายใจจัง

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.

0 Comments :

แสดงความคิดเห็น