ข่าวเศร้า! นกแก๊ก สัญลักษณ์แห่งป่าอุดมสมบูรณ์ หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
กระบี่: ท่ามกลางความเขียวขจีของผืนป่าดิบชื้นในจังหวัดกระบี่ มีสัญญาณเตือนภัยเงียบๆ เกี่ยวกับนกแก๊ก หรือนกแกง สัตว์ป่าที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แทบจะเลือนหายไปจากสายตา
นกแก๊ก (Anthracoceros malayanus) เป็นนกที่มีลักษณะโดดเด่นสะดุดตา ด้วยโหนกขนาดใหญ่รูปทรงกระบอกที่ทอดตัวยาวเหนือปาก สีดำสนิทของคอและลำตัวด้านบน ตัดกับสีขาวบริเวณหน้าอก ดวงตาสีฟ้าซีด และปลายปีกสีขาวสง่างาม โดยเฉพาะชนิดพันธุ์ย่อยมลายูที่พบในประเทศไทย จะมีลักษณะพิเศษตรงขนหางคู่กลางสีดำที่มีแต้มสีขาวด้านข้าง
อย่างไรก็ตาม ความสวยงามและเอกลักษณ์ของนกแก๊ก กลับสวนทางกับสถานการณ์ปัจจุบันที่น่าเป็นห่วง นักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ป่าต่างออกมาแสดงความกังวล เนื่องจากจำนวนนกแก๊กในธรรมชาติลดลงอย่างน่าใจหาย และพวกมันยังมีความจำเพาะเจาะจงในการเลือกถิ่นที่อยู่อาศัยอย่างมาก ทำให้โอกาสที่จะได้พบเห็นนกแก๊กนั้นจำกัดอยู่เพียงผืนป่าดิบที่ยังคงความสมบูรณ์เท่านั้น
"นกแก๊กเป็นดัชนีชี้วัดความสมบูรณ์ของป่า" ดร.สมชาย ไพรวัลย์ นักชีววิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านนก กล่าว "การที่พวกมันหายากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการถูกรบกวนในผืนป่า"
นอกจากนี้ ลักษณะนิสัยของนกแก๊กที่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ประมาณ 8-10 ตัว และส่งเสียงร้องดัง "แก๊ก แก๊ก" อันเป็นที่มาของชื่อ ก็ทำให้พวกมันตกเป็นเป้าสังเกตได้ง่าย หากมีผู้ไม่หวังดีเข้ามาในพื้นที่
ความแตกต่างระหว่างนกแก๊กตัวผู้และตัวเมียก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจ โดยตัวผู้จะมีจะงอยปากและโหนกสีขาวงาช้าง มีสีดำด้านหน้าโหนก ในขณะที่ตัวเมียจะมีสีดำและสีเปรอะปนกันบริเวณโหนกและปาก ดูคล้ายมอมแมม ทั้งยังมีขนาดลำตัวที่เล็กกว่าตัวผู้ เมื่อยังเป็นวัยรุ่น โหนกของพวกมันจะมีขนาดเล็กกว่าเมื่อโตเต็มวัย
การที่นกแก๊กชอบคลุกฝุ่น บินตามกันเป็นแถว และส่งเสียงร้องคุยกันตลอดเวลา ทำให้พวกมันเป็นที่รู้จักในฉายา "นกช่างคุย" แต่ในปัจจุบัน เสียง "แก๊ก แก๊ก" ที่เคยดังก้องผืนป่า กลับเริ่มเงียบหายไป
สถานการณ์ของนกแก๊กในปัจจุบันจึงเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญถึงความจำเป็นในการอนุรักษ์ผืนป่าดิบและป่าดิบชื้น ซึ่งเป็นบ้านอันแสนสงบและอุดมสมบูรณ์ของพวกมัน หากเราไม่ตระหนักและลงมือปกป้องนกแก๊ก สัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์นี้ อาจกลายเป็นเพียงตำนานที่เล่าขานถึงความรุ่งเรืองของผืนป่าในอดีตก็เป็นได้
0 Comments :
แสดงความคิดเห็น