กระบี่ – ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ นำทีมขับเคลื่อนโครงการ Thailand Zero Dropout เต็มสูบ ใช้ระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลตามตัวเด็ก 3-18 ปีที่หลุดระบบกว่า 7,000 รายในจังหวัด พากลับเข้าเรียนตามความถนัด หวังลดความเหลื่อมล้ำและสร้างแรงงานคุณภาพสู่สังคม
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2568 ณ ห้องประชุมไมตรี สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกระบี่ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานโครงการบริหารจัดการโอกาสทางการศึกษาของประชากรวัยเรียน 3-18 ปี (ระดับจังหวัด) ครั้งที่ 2/2568 เพื่อติดตามความคืบหน้าการดึงเด็กนอกระบบกลับเข้าสู่สถานศึกษา
วางโรดแมป "ตามหา-แก้ไข-ส่งต่อ" ทั่วทั้งจังหวัด
นายอังกูร ศีลาเทวากูล เปิดเผยว่า จังหวัดกระบี่ขานรับนโยบายรัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ ในการขับเคลื่อนงาน Thailand Zero Dropout หรือ "เด็กทุกคนต้องได้เรียน" โดยใช้ระบบศูนย์บริการแลกเปลี่ยนข้อมูลการศึกษา (Education Data Center : EDC) เป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการข้อมูลรายบุคคล เพื่อวิเคราะห์สภาพปัญหาและวางแนวทางช่วยเหลือให้เด็กได้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาในรูปแบบที่เหมาะสม หรือพัฒนาศักยภาพตามความจำเป็น
สำหรับการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2568 สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดกระบี่ ได้ร่วมกับหน่วยงานทุกระดับ ตั้งแต่ภาค 6 จังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น ไปจนถึงระดับตำบล เพื่อปูพรมค้นหาประชากรวัยเรียนที่อยู่นอกระบบ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายในจังหวัดกระบี่ที่พบว่ามีเด็กและเยาวชนไม่มีชื่อในระบบการศึกษา และต้องเร่งนำเข้าสู่ระบบในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2567 จำนวนทั้งสิ้น 7,928 คน
พลังข้อมูลดิจิทัล สู่เป้าหมาย "เด็กหลุดระบบเป็นศูนย์"
นโยบาย Thailand Zero Dropout มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกระทรวงศึกษาธิการและทะเบียนราษฎร์ กรมการปกครอง เพื่อติดตามตัวเด็กที่หลุดหายไปจากระบบการศึกษาทั่วประเทศที่มีกว่า 1 ล้านคน ซึ่งในระดับประเทศสามารถนำเด็กกลับเข้าเรียนได้แล้วกว่า 1.3 แสนคนในภาคเรียนที่ผ่านมา
“เป้าหมายของเราคือการลดจำนวนเด็กที่หลุดออกจากระบบให้เป็นศูนย์ โดยเฉพาะการศึกษาภาคบังคับ (ป.1-ม.3) เพราะการศึกษาคือเครื่องมือสำคัญในการลดความเหลื่อมล้ำ หากเด็กได้รับโอกาสที่เท่าเทียม เขาจะสามารถพัฒนาตนเองให้ก้าวพ้นความยากจน และกลายเป็นแรงงานที่มีคุณภาพเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของครอบครัวและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดกระบี่ต่อไป” ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าว
บูรณาการทุกภาคส่วนตามสิทธิรัฐธรรมนูญ
การขับเคลื่อนครั้งนี้ยังเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่กำหนดให้รัฐต้องดูแลให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพเป็นเวลา 12 ปี โดยจังหวัดกระบี่ได้เน้นย้ำความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน เพื่อร่วมกันออกแบบรูปแบบการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์ชีวิตเด็กแต่ละราย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนในระบบโรงงาน การศึกษานอกระบบ หรือการฝึกวิชาชีพ เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีเด็กคนใดถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกต่อไป


0 Comments :
แสดงความคิดเห็น