"โนราหนูแขม" ปูชนียบุคคลแห่งกระบี่ กับมรดก "คำพลัด" หนึ่งเดียวในโลก
หากจะกล่าวถึงศิลปะการแสดงที่เป็นจิตวิญญาณของชาวใต้ "โนรา" หรือ "มโนราห์" ย่อมเป็นชื่อแรกที่ทุกคนนึกถึง ศิลปะชนิดนี้ไม่เพียงแต่เป็นความบันเทิง แต่ยังเป็นสายใยแห่งความเชื่อ การนับถือบรรพบุรุษ และอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน และในจังหวัดกระบี่ มีอัญมณีเม็ดงามที่ยังมีลมหายใจอย่าง "แม่ครูโนราหนูแขม ประดิษฐ์ศิลป์" ผู้ที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อธำรงไว้ซึ่งศาสตร์แห่งบรรพชน
เส้นทางสายโนรากว่า 7 ทศวรรษ
แม่ครูหนูแขม หรือ ยายแขม ในวัย 83 ปี เป็นชาวตำบลปกาสัย อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ท่านเริ่มต้นเส้นทางศิลปินตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี หลังจากจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ด้วยความหลงใหลในท่วงท่าและเสียงดนตรี ท่านได้เข้าฝึกฝนกับบรมครูโนราจนมีความเชี่ยวชาญ และโดดเด่นอย่างมากในช่วงวัยสาว ชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปทั่วภาคใต้ในฐานะ "โนราพันธุ์แท้" ที่ร่ายรำได้อย่างงดงามและถูกต้องตามแบบแผน
"โนราคำพลัด" อัตลักษณ์หนึ่งเดียวที่หาชมยาก
ความพิเศษที่ทำให้แม่ครูหนูแขมเป็นที่จดจำ คือทักษะการ "ขับกลอน" ที่มีน้ำเสียงเป็นเอกลักษณ์ จนผู้ฟังกล่าวกันว่า "แค่ได้ยินเสียงก็รู้ทันทีว่าเป็นโนราหนูแขม" โดยเฉพาะศาสตร์การแสดงที่เรียกว่า "โนราคำพลัด" ซึ่งเป็นการขับกลอนคำพลัดแบบ 3 ชั้น 3 วรรค 3 จังหวะ พร้อมกับการร่ายรำที่สอดคล้องไปกับบทกลอนอย่างกลมกลืน
การเรียนรู้คำพลัดนั้นไม่ง่าย เพราะผู้รำต้องมีทักษะการฟังที่แม่นยำเพื่อปรับท่ารำให้เข้ากับจังหวะบทกลอนที่มีทั้งช่วงช้าและเร็วสลับกันไป ซึ่งศาสตร์การแสดงประเภทนี้ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่มีอยู่เพียง "แห่งเดียวในโลก" และควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้มิให้สูญหาย
มรดกเสียงเพื่อคนรุ่นหลัง
ในปัจจุบัน แม้กาลเวลาจะล่วงเลยมานานกว่า 70 ปีบนเวทีการแสดง แต่แม่ครูหนูแขมยังคงมุ่งมั่นที่จะถ่ายทอดวิชาให้กับลูกศิษย์รุ่นลูก รุ่นหลาน และรุ่นเหลน เพื่อให้อัตลักษณ์โนราของจังหวัดกระบี่ยังคงอยู่ สิ่งที่น่าชื่นชมคือการจัดทำ "ไฟล์เสียงต้นฉบับ" การขับกลอนของแม่ครูไว้เป็นฐานข้อมูลทางวัฒนธรรม เพื่อให้เยาวชนได้ใช้เป็นต้นแบบในการฝึกฝน และสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงตัวต่อไปในอนาคต
บทสรุปแห่งความภาคภูมิใจ
แม่ครูโนราหนูแขม ประดิษฐ์ศิลป์ ไม่ได้เป็นเพียงศิลปินพื้นบ้าน แต่ท่านคือ "ทรัพย์ในดิน" ที่ทรงคุณค่าของแผ่นดินไทย การได้รับยกย่องเป็นปูชนียบุคคลคือรางวัลที่ตอบแทนความเสียสละ แรงกาย และแรงใจที่ท่านทุ่มเทให้กับโนรามาตลอดชีวิต เรื่องราวของท่านเป็นเครื่องเตือนใจให้คนรุ่นหลังหันมาเห็นคุณค่าของรากเหง้า และร่วมกันรักษา "ลมหายใจของโนรา" ให้คงอยู่คู่ภาคใต้สืบไป
ขอบคุณข้อมูลจาก: เครือข่ายโนราปกาสัย

0 Comments :
แสดงความคิดเห็น