เกษตรจังหวัดกระบี่ ร่วมกับจังหวัดกระบี่ ติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในพื้นที่อำเภออ่าวลึก

 เกษตรจังหวัดกระบี่ ร่วมกับจังหวัดกระบี่ ติดตามสถานการณ์ปาล์มน้ำมันในพื้นที่อำเภออ่าวลึก

*************************************************************

             วันที่ 5  ตุลาคม 2565 : นายสมชาย หาญภักดีปฏิมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยนายชำนาญ นุ่นดำ เกษตรจังหวัดกระบี่ ร่วมกับสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดกระบี่ ศูนย์วิจัยปาล์มน้ำมันกระบี่ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรกระบี่ พาณิชย์จังหวัดกระบี่ และสภาเกษตรกรจังหวัดกระบี่ ติดตามสถานการณ์การผลิตกล้าปาล์มน้ำมัน และตรวจดูลานเทปาล์มน้ำมัน ในพื้นที่อำเภออ่าวลึก และแนะนำเกษตรกรเลือกซื้อกล้าปาล์มน้ำมันมีคุณภาพ และการพัฒนาลานเทให้มีระบบจัดการคุณภาพผลปาล์มน้ำมันที่ดีก่อนส่งถึงโรงงาน   

โดยปัจจุบันปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของจังหวัดกระบี่ พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 1,186,231 ไร่ มากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ และได้ชื่อว่า เป็นเมืองหลวงของปาล์มน้ำมัน จากสถานการณ์ที่มีราคาผลผลิตปาล์มน้ำมันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดกระแสต้นกล้าปาล์มน้ำมันที่ขาดตลาด ไม่เพียงพอกับความต้องการของเกษตรกร ทำให้มีแปลงเพาะกล้าปาล์มน้ำมัน เพิ่มมากขึ้น ซึ่งมีทั้งที่ได้รับอนุญาตถูกต้องและไม่ถูกต้อง ซึ่งหากเกษตรกรได้รับต้นกล้า ที่เกิดจากแปลงเพาะที่ไม่ได้รับอนุญาต จะส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเสียหายได้ในอนาคต 

 ในปีนี้จังหวัดกระบี่ มีแปลงเพาะกล้าที่ขึ้นทะเบียนต่ออายุกับกรมวิชาการเกษตรทั้งสิ้น 56 แปลงเพาะ มีกระจายอยู่ทุกอำเภอในจังหวัดกระบี่ มีซื่อทางค้าของปาล์มน้ำมันหลากหลายให้เลือก แต่ส่วนใหญ่ที่นิยมก็ยังคงเป็นชื่อที่เกษตรกรรู้จักกันในพื้นที่เป็นอย่างดี

วิธีการเลือกซื้อกล้าปาล์มน้ำมันคุณภาพทั้งทีต้องมี ดี 5 ข้อ

       1.เลือกซื้อกล้าปาล์มน้ำมันจากแปลงเพาะที่ผ่านการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร

       2.แปลงเพาะต้องมีการบริหารจัดการที่ดี เหมาะสม และน่าเชื่อถือ

       3.ต้นกล้าปาล์มน้ำมันต้องมีใบรับรองสายพันธ์จากแหล่งจำหน่าย

       4.ต้นกล้าปาล์มน้ำมันต้องมีความ แข็งแรง สมบูรณ์ ตรงตามลักษณะสายพันธุ์

       5.ต้นกล้าปาล์มน้ำมันต้องมีอายุ 8-12 เดือน 

นายชำนาญ นุ่นดำ เกษตรจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ช่วงนี้โดยเฉพาะตั้งแต่ตุลาคมจนถึงธันวาคม เป็นช่วงที่ปาล์มน้ำมันกำลังให้ผลผลิตมากขึ้นส่งผลต่อราคาผลผลิตที่ลดลงตามกลไกตลาด ในขณะเดียวกันราคาปุ๋ยเคมีที่เพิ่มสูงขึ้นและยังคงมีราคาสูง ทำให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรที่มีรายได้ลดลง ขอให้เกษตรกรใช้วิธีการพิจารณาในการใช้ปุ๋ยเคมี คือ

ใช้ปุ๋ยเคมีตามหลักการ 4 ถูก ได้แก่

 1. ถูกชนิด

 2. ถูกอัตรา

 3.ถูกเวลา

 4.ถูกที่

ก็จะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรลดต้นทุนมลได้อีกทางหนึ่ง//






About สบายใจจัง

This is a short description in the author block about the author. You edit it by entering text in the "Biographical Info" field in the user admin panel.

0 Comments :

แสดงความคิดเห็น