ร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี"
วันที่ 20 กันยายน 2562 ณ โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการสัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง "พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี" กับสมาชิกสหกรณ์ และเกษตรกร 5 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี, นครศรีธรรมราช, ชุมพร, กระบี่ และพังงา เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี เปิดตลาดสินค้าของสหกรณ์ไทยสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ที่มั่นคงและแน่นอนให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทย
หลังจากได้รับนโยบายจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการหาตลาดและกระจายสินค้าในภูมิภาคของไทยไปต่างประเทศ โดยใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ จึงได้ร่วมมือกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินโครงการ “พัฒนาความพร้อมทางการค้าของสหกรณ์ไทยสู่การค้าเสรี” เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาคของไทยสู่สากล และช่วยสร้างแต้มต่อในการส่งออกสินค้าเกษตรในพื้นที่สู่ตลาดต่างประเทศ
การดำเนินโครงการครั้งนี้ จะช่วยให้สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรได้ใช้เอฟทีเอสร้างโอกาสทางการค้าและขยายตลาดไปต่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพและยกระดับมาตรฐานสินค้า และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสหกรณ์ โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมผลไม้ อาทิ เงาะและกล้วยหอม ไปตลาดต่างประเทศ เช่น อาเซียนและจีน เป็นต้น ซึ่งไม่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่จากไทยแล้ว ภายใต้ข้อตกลงร่วมกันในเอฟทีเอ โดยส่งกระจายให้ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าในประเทศ และส่งออกไปต่างประเทศ โดยส่งออกเงาะไปจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ และส่งออกกล้วยหอมไปญี่ปุ่น สำหรับสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มแม่น้ำท่าทอง จำกัด ยังมีแผนสร้างห้องเย็นเพื่อแปรรูปกุ้งเพิ่มมูลค่าสินค้า และลดต้นทุนการผลิต เตรียมส่งออกไปยังต่างประเทศ พร้อมทั้งมีแผนจัดแสดงสินค้าที่จีนและญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายอีกด้วย
ทั้งนี้ ในงานสัมมนาฯ จะมีการเสวนาหัวข้อ “ติดอาวุธสหกรณ์ไทยใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอ” และ “ยกระดับการแข่งขันสหกรณ์ไทย ให้ก้าวไกลในโลกการค้าเสรี” และจะนำทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าและการตลาดมาวิเคราะห์สินค้า และแนะนำตลาดส่งออกที่เหมาะสมให้กับสหกรณ์ ซึ่งมั่นใจว่าการดำเนินโครงการครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์แก่สหกรณ์ และเกษตรกร ได้เห็นช่องทางการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอาเซียนและจีน
0 Comments :
แสดงความคิดเห็น